นักดนตรีและการออกแบบภายใน : แมน ละอองฟอง

8.8K View

La ong Fong

นักดนตรีและการออกแบบภายใน : แมน ละอองฟอง


ก่อนหน้านี้ที่ Spicydisc ได้ปล่อยบทสัมภาษณ์  แอบคุยกับแมน ละอองฟอง ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย ไป กระแสตอบรับจากผู้อ่านค่อนข้างจะคึกครื้น ทางเราเลยคิดว่า ไหนๆ “แมน” - ตนุภพ โนทยานนท์ หรือ แมน ละอองฟอง คุณครูของ BNK48 กำลังเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น เราเลยอยากให้ผู้อ่านได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแมนที่ต่างจากมุมดนตรีที่เราเคยเจอ


ในวันที่เรานัดแนะกันมาสัมภาษณ์นั้น เป็นวันที่แมนต้องมาคุมน้องๆ BNK48 บันทึกเสียงร้องพอดี ทำให้เราตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะต้องทำงานแข่งกับเวลาแล้ว ยังได้เจอกับน้องๆ BNK48 ด้วย

 



รู้มาว่านอกจากการเป็นนักดนตรีแล้ว คุณยังทำอาชีพอื่นอีกด้วย

แมน : ใช่ครับ อาชีพที่เรียกได้ว่าเป็นอาชีพหลัก คือทำ Interior Design (ออกแบบภายใน) แต่ช่วงนี้ก็จะหนักไปทางทำดนตรี ใช้ชีวิตในวงการดนตรีมากกว่า


แสดงว่าเรียนจบทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ ไม่ใช่ดนตรีสิ?

แมน : ครับ เราจบจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรมภายใน ครับ


เปิดบริษัท Interior Design เองเลยรึเปล่า

แมน : เป็นบริษัทที่ทำร่วมกับพี่เอ๊ะครับ จะมีทีมในการทำงาน การทำงานของเราก็แล้วแต่ช่วงเวลา ถ้าเราว่างเราก็จะวาดแบบเอง ทำอะไรเองทั้งหมด ถ้าไม่ค่อยว่างแล้วมันเยอะมากก็แบ่งน้องๆ ในทีมทำ แต่เราก็เป็นคนดูแลโปรเจค สลับกับพี่เอ๊ะบ้าง ถ้าพี่เอ๊ะเป็นคนดูแลโปรเจค เราก็ผันตัวเป็นลูกทีมเขาครับ


แบ่งเวลาการทำงานระว่าง Interior Design กับ งานดนตรียังไง

แมน : ตอนที่เรามีทั้งงาน Interior Design กับ งานดนตรีเยอะพอๆ กัน ก็จะแบ่งเลยว่างานออกแบบเราทำกลางวัน ส่วนงานดนตรีเราก็ไปทำกลางคืน 


ตอนนั้นคงเหนื่อยมากแน่ๆ

แมน : ช่วงที่มาเยอะทั้งสองอย่าง แล้วมาพร้อมกันก็จะหนักมากเลย สมมติว่ากลางวันเราทำงานหนักไปแล้ว กลางคืนเราก็ต่ออีก ทำจนถึงเช้าก็มี ทั้งสองอย่างเป็นงานที่ต้องใช้เวลาเหมือนกันเลย ส่วนใหญ่ถ้าเป็นงานดนตรี ถึงแม้เราจะเหนื่อยแค่ไหน แต่เราทำแล้วรู้สึกดีก็จะไม่ค่อยเพลียเท่าไหร่ เราพร้อมจะเต็มที่กับมัน ถ้าเราทำงานออกแบบมาหนักๆ การมาทำงานดนตรีตอนกลางคืนก็เหมือนเป็นการพักผ่อน เป็นการพักผ่อนที่มีรายได้ด้วย (หัวเราะ)



เริ่มหลงรักงานศิลปะตอนไหน

แมน : ความจริงเรื่องดนตรีกับศิลปะ เราเริ่มสนใจตั้งแต่ตอนเด็กๆ มาพร้อมกันเลย ป.1- ป.2 ก็เริ่มเล่นดนตรีครั้งแรก แล้วก็ขีดๆ เขียนๆ งานศิลปะไปด้วย ที่บ้านก็เห็นว่าเราวาดรูปได้ วาดออกมาไม่เหมือนเด็กคนอื่น อย่างเช่น คนอื่นวาด 2 มิติ แต่เราวาด 3 มิติ เหมือนว่ามีพรสวรรค์ในการวาดเขียน


แล้วหันเหมาทางดนตรีได้ยังไง

แมน : ดนตรีมันอยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กเลย ตอนที่เรียนอยู่ประถมเราก็อยู่ชมรมดนตรีไทย มัธยมเราก็อยู่ชมรมดนตรีสากล มหาวิทยาลัยก็อยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน ดนตรีอยู่กับเรามาตลอด เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเรา


แล้วทำไมไม่เลือกศึกษาด้านดนตรีแบบจริงจังไปเลย

แมน : พ่อเราไม่อยากให้ยึดอาชีพดนตรีเป็นอาชีพหลัก เพราะคนสมัยก่อนเขามองว่าอาชีพดนตรีมันเต้นกินรำกิน รายได้ไม่แน่นอน เขาอยากให้เป็นหมอ หรือเป็นอะไรก็ได้ที่มันมีความมั่นคง ตอนที่จะเอนท์ทรานส์เลยเลือกมาทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่เรียนจบมาเราก็ทำ Interior Design นะ ส่วนดนตรีเราก็ศึกษาเก็บประสบการณ์มาด้วยตัวเอง ไม่ได้เรียนจริงจังเหมือนคนอื่น



เริ่มทำงานในฐานะ “ละอองฟอง”

แมน : ย้อนไปตอนนั้น จริงๆ ‘ละอองฟอง’ รวมตัวนักดนตรีของวงอยู่ก่อนแล้ว เราเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามา  ก็รู้จักกับพี่ที่เล่นคีย์บอร์ด ชื่อพี่โหน่ง ที่เล่นคีย์บอร์ดรุ่นแรก เรียนอยู่ลาดกระบังฯ เหมือนกัน เขาก็ชวนเรามาเล่นกีต้าร์กับละอองฟอง


ดูบุคคลิกแล้วแมนเองเป็นคนพูดน้อยมาก

แมน : ใช่ๆ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กจะขี้อายมาก พ่อให้ขึ้นไปร้องเพลงโชว์เพื่อนๆ เราก็ไม่กล้าร้อง ไม่กล้าทำอะไรเลย เป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่ถ้าให้ขึ้นไปเล่นดนตรี เราจะมั่นใจมากกว่า เหมือนได้เอาเครื่องดนตรีขึ้นไปเป็นเพื่อนบนเวที เล่นดนตรีแล้วรู้สึกไม่เขินไม่อายเท่าไหร่

แต่จริงๆ เราไม่ใช่คนพูดน้อยนะ ถ้าสนิทคือจะพูดเยอะ พูดเรื่อยเปื่อย แต่เรียบเรียงไม่เก่ง จะชอบเขียนมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องดนตรี เรื่องศิลปะ ที่เราชอบและมีความรู้ เราก็จะคุยเยอะ เรื่องดนตรีนี่คุยได้ทั้งวันทั้งคืนไม่หลับไม่นอน (หัวเราะ) เพื่อนในวงพูดเก่งกว่าเราด้วย เราเลยให้เขาพูด พอถึงเวลาที่เราต้องพูดเราก็พูดได้นะ แต่คนจะไม่ค่อยได้เห็นหรอก พี่เอ๊ะกับอรพูดเก่งกว่าเราเยอะ (หัวเราะ) ให้เขาเป็นคนพูดดีกว่า

 


เวลาที่ต้องทำงานกับคนอื่นๆ จะเริ่มต้นคุยยังไง (เพราะแมนทำงานเบื้องหลังให้คนอื่นเยอะมาก)

แมน : ส่วนใหญ่คนอื่นจะมาเห็นเอง ว่าเราทำงานตรงนั้นได้ เขาถึงจะเข้ามาชวน คนที่ไม่ค่อยรู้จักเราก็จะไม่รู้ว่าเราทำได้ สำหรับศิลปินบางคนที่เราเคยทำงานด้วย เขาก็จะรู้ว่าเราทำได้ ก็จะแนะนำเราต่อๆ กันไป งานเบื้องหลังส่วนใหญ่ก็จะมาจากการแนะนำปากต่อปากครับ ไม่เคยขายงานเองเลย (หัวเราะ) เป็นศิลปินที่เข้ามาพูดคุยกับเราก่อน แล้วก็ป็นการรู้จักกันไปเรื่อยๆ


พูดถึง “roMantic”

แมน : roMantic เป็นการเขียนเพลงและการทำดนตรีที่ใส่ตัวเราลงไป นำเสนอตัวตนของเราผ่านงานเพลง ส่วนมากจะเป็นเพลงที่เราแต่งเก็บไว้นอกเหนือจากที่ทำกับละอองฟอง หรือกับศิลปินอื่นๆ ครับ เป็นเพลงที่เราทำไว้ส่วนตัว กะจะรวบรวมไว้แล้วรอให้มีโอกาสได้ปล่อยออกมา คิดว่าถ้าจะออกอัลบั้มก็จะทำกับ SPICYDISC นี่ล่ะครับ แต่ตอนนี้ก็ลองทำเล่นๆ ไปก่อน 


สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่อยากจะติดตาม แมน ละอองฟอง สามารถติดตามได้ที่ Facebook Man Laongfong หรือทาง Page La-Ong-Fong Official Fanpage ได้เลย (แอบบอกตรงนี้ว่าติดตามได้ทั้งผลงานเพลงและติดต่องานออกแบบก็ได้อยู่นะ ><)


เรื่อง พัชริดา สุพรรณชนะบุรี, จรัตพร โมรา 
ภาพ SPICY DISC, IG Man La-ong-fong



0 comments
Other Magazine
or