วันที่วางไมค์ไปเล่นกล้อง : ว่าน ธนกฤต

15.2K View

What does music look like? It’s photo

            สำหรับบางคนการถ่ายภาพคือ การบันทึกความทรงจำในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อเก็บไว้ย้อนวันวานเมื่อยามคิดถึง แต่สำหรับว่านธนกฤต พานิชวิทย์ศิลปินคารมดี กลับมองว่าการถ่ายภาพไม่จำเป็นต้องบันทึกผ่านการกดชัตเตอร์เพียงอย่างเดียว เพราะสำหรับเขาแล้วการถ่ายภาพและการทำเพลง สองสิ่งนี้สามารถทำหน้าที่บันทึกความทรงจำได้ดีเหมือนกัน ได้ยินอย่างนั้นเราก็ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเพลงของว่านถึงชอบทำให้เราเห็นภาพได้เป็นฉากๆ เวลาฟังเพลงของเขาไม่ต่างกับการได้เห็นภาพถ่ายที่ซ่อนเรื่องราวดีๆ สักใบ


        +ผมมีความสนใจศิลปะทางด้าน.... การต่อสู้ด้วยมือเปล่า... ถุ้ย! (หัวเราะ) นอกจากเรื่องดนตรีและเสียงเพลงแล้ว วาดรูปนี่ก็ตัดทิ้งไปเลย ผมวาดรูปไม่ได้ ถ้าให้คะแนนก็ได้ 0 คะแนน เลยมาเอาดีทางดนตรี ซึ่งผมเรียนจบปริญญาตรี สาขาวิชาดนตรีสากล เอกกีตาร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม แล้วหุนหันไปเรียนปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศิลปะเลยไปทางดนตรีซะมากกว่า แต่ช่วงหลังๆ มานี้ก็ถ่ายรูปบ่อยขึ้น

        +งานศิลปะอื่นๆ ที่ผมชอบและอยากทำก็มี... พวกเครื่องปั้นดินเผา (หัวเราะ) โธ่เอ๊ย จะไร้สาระไปทำไม เหมือนเดิมแหละครับ คือผมชอบทำเพลงอยู่กับดนตรี ผมชอบและได้ทำแล้ว แต่หลังๆ มานี้ผมคิดว่าการถ่ายภาพมันก็ดีนะ เป็นความสุขง่ายๆ ที่เริ่มจากตัวเราคนเดียวได้ โดยเฉพาะเวลาที่ออกไปถ่ายรูปคนเดียวมันเจ๋งดี 

        +ความสนใจด้านการถ่ายภาพของผมเริ่มมาจาก... เวลาจะไปไหนมาไหนผมมักจะว่างไม่ตรงกันกับเพื่อน พอเราไปคนเดียวก็ไม่มีใครมาช่วยเราจำภาพและบรรยากาศ ผมเลยเริ่มหาซื้อกล้องเป็นของตัวเอง และเริ่มถ่ายรูปจากสถานที่ที่ไป ซื้อมาแรกๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะถ่ายอะไรหรอกเพราะจะถ่ายคนก็ถ่ายไม่เป็น เลยเริ่มจากถ่ายภาพบรรยากาศ เวลาถ่ายเสร็จแล้วย้อนกลับมาดูเราก็จำได้ว่าสถานที่นี้ตอนเราไปอากาศมันร้อนแค่ไหน สวยแค่ไหน


"โดยเฉพาะผู้หญิง บางทีเขาจะมีมุมน่ารักออกมา อย่างเวลากินขนมเขาก็จะมีเสน่ห์ของเขาในแบบที่เราเองเห็นได้ไม่บ่อย" ว่าน


        +กล้องตัวแรกของผมเป็น... กล้องฟิล์ม Pentax ที่แม่ให้มาจำรุ่นไม่ได้เหมือนกัน เพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่เลยประมาณมัธยมต้นได้ แม่เอามาให้พร้อมกับราที่อยู่ในช่องมองภาพผมก็ต้องเอาไปล้างทำความสะอาดก่อน พอเอามาถ่ายก็ดูพวกเข็มวัดแสงไม่เป็นอีก เลยทำให้รู้สึกว่าใช้ยากจังวะฟิล์มก็ซื้อไม่เป็น เราก็เลือกราคาถูกๆ ไว้ก่อนถ่ายมา 36 รูป ใช้ได้ประมาณ 15 รูป (หัวเราะ) ก็ฝ่อๆ ไป พอเป็นยุคใหม่เราก็ไปซื้อกล้อง Mirrorless มาใช้ ตัวแรกคือ Olympus EP1 ใช้สะดวกขึ้นนะให้ความรู้สึกว่ามันเหมาะกับเราเพราะมันใช้งานง่ายใช้ง่ายขึ้น

+ จริงๆ แล้วถนัดถ่ายภาพจากกล้อง... Mirrorless มากกว่าเพราะมันใช้ง่าย แสงนัวๆ กดถ่ายไป 3 ครั้งก็อาจจะใช้ได้แล้วสัก 1 รูป แต่พอผ่านเวลาไปสักพักหนึ่ง ผมก็กลับมาใช้กล้องฟิล์มอย่างจริงจัง ดูจากเซียนเต่านี่แหละครับ (เต่า วง Mild) วง Mild เป็นวงดนตรีที่ถ่ายรูปสวยมาก เราก็ไปดูว่าเขาใช้อุปกรณ์อะไรกัน สอบถามข้อมูลมาบ้าง ซึ่งผมก็ได้รู้ว่า มันต้องกลายมาเป็นความสิ้นเปลืองของชีวิตผมแน่นอน (หยุดคิด) ไม่น่ารู้จักเลย เพราะพอรู้จักก็เสียเงินเสียทองซื้อของกันไปอีก (หัวเราะ)

+ถ้าชอบที่สุดตอนนี้ผมชอบ... ถ่ายรูปคน ถ่ายแบบลักลอบถ่ายเขา ตอนที่เขาไม่รู้ตัว คอยดูอากัปกิริยาของคน โดยเฉพาะผู้หญิง บางทีเขาจะมีมุมน่ารักออกมา อย่างเวลากินขนมเขาก็จะมีเสน่ห์ของเขาในแบบที่เราเองเห็นได้ไม่บ่อย ทำให้ผมชอบถ่ายรูปคนไปเรื่อยๆ 

        +สมมติว่าผมได้เป็นช่างภาพมืออาชีพ ผมจะเป็นช่างภาพ... ถ่ายภาพ Nude สิครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะ อยากถ่ายภาพสารคดีแมลง ผมชอบภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty มาก ดูแล้วอยากจะทำตาม ถ้าได้เป็นช่างภาพถ่ายแมลงก็จะไปทาง Macro แบบจริงจังเลย หรืออาจจะไปซุ่มตามโปร่งดิน ถ่ายรูปสัตว์ป่า ดูท้าทายดี ด้วยความที่เป็นอาชีพ เราต้องไปอยู่ในที่ตรงนั้นเป็นเดือนๆ ต้องให้เวลากับมันอย่างเต็มที่ น่าจะสนุกดี และผมจะตั้งชื่อเพจว่า... (หยุดคิด) สัตว์ประเสริฐ



"การถ่ายภาพคือความสุขเล็กๆ ที่ผมสามารถสร้างขึ้นมาเองและแบ่งปันความรู้สึกหรือเรื่องราวในภาพให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วย" ว่าน

        +เมื่อผมได้เป็นช่างภาพมืออาชีพในอนาคต ผมคิดว่า... ผมจะไม่รับงานร้องเพลง ผมจะไม่รับงานแสดง ผมจะไม่รับงาน Event ดูซิว่าจะเอาอะไรกิน (หัวเราะ) แต่ถ้าผมฝึกฝนจนเก่งและถ่ายรูปดีจนขนาดนั้นแล้ว ผมก็อยากรับงานเหมือนเดิมแหละ คือรับงานร้องเพลงด้วยและถ่ายรูปไปด้วย เพราะอาชีพร้องเพลงในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ผมชอบและถนัดที่จะทำ แต่การถ่ายภาพคือความสุขเล็กๆ ที่ผมสามารถสร้างขึ้นมาเองและแบ่งปันความรู้สึกหรือเรื่องราวในภาพให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วย จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ผมต้องการบอกเล่าได้เหมือนกัน แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย ถ้าแตกต่างคงจะเป็นเรื่องของกระบวนการและกรรมวิธีเท่านั้น เพราะสุดท้ายการถ่ายภาพและการร้องเพลง ก็เป็นสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขทั้งคู่