บอย ตรัย ภูมิรัตน
หากใครได้รู้จักผู้ชายที่ชื่อ บอย ตรัย ภูมิรัตน คงมีหลายบทบาทที่เราคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน, นักแต่งเพลง, คุณบ้อของชื่นใจ แต่บทบาทที่โดดเด่น และเป็นที่รู้จักกันมากมายเห็นจะเป็นบทบาทของ ศิลปินนักแต่งเพลงรัก ที่มีมากกว่าร้อยบทเพลงทำให้ผู้ชายคนนี้ติดในลิสนักแต่งเพลงอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว
จากสถาปัตยกรรมศาสตร์ มาถึงเส้นทางสายดนตรี
บอย ตรัย ภูมิรัตน จบการศึกษาชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนเซนคาเบรียลเมื่อจบชั้นมัธยมได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ด้วยความที่บอยเป็นคนเงียบๆ และพูดน้อย ทำให้ส่วนใหญ่เขามักหมดเวลาไปกับการเขียนไดอารี่ อ่านหนังสือการ์ตูน ดูหนัง และฟังเพลง บอยรู้ตัวว่าชื่นชอบในเสียงดนตรีและเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่สมัยมัธยม จนมาถึงช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยจึงเริ่มจริงจังกับการแต่งเพลงรวมไปถึงเล่นดนตรีมากขึ้น
บอยเริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางสายดนตรีอย่างเต็มตัว ฐานะศิลปินกลุ่มวง Friday (ฟรายเดย์) ร่วมกับเพื่อนอีกสองคนคือ หนึ่ง-เกรียงไกร วงษ์วานิช และดุล-อดุลย์ รัชดาภิสิทธิ์ ส่วนที่มาของชื่อวงทำไมถึงเป็นชื่อนี้ พวกเขาได้ให้เหตุผลว่า “พวกเขาชอบวันศุกร์ เพราะจะได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ รวมทั้งอยากให้ชื่อวงเรียกง่ายและเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น” หลังจากที่มีผลงานในฐานะศิลปินกลุ่มมาพอสมควร บอยก็ได้สร้างสรรค์ผลงานเดี่ยวของตัวเอง โดยอัลบั้มแรกใช้ชื่อว่า ‘My Diary Original Soundtrack นอกเหนือไปจากการทำงานเพลงของตัวเองแล้ว บอยยังเป็นนักแต่งเพลงฝีมือดีที่ใช้นามปากกาว่า Zentrady ซึ่งได้กลายเป็นชื่อที่เหล่าศิลปินในวงการเพลงไทยต่างให้การยอมรับและไว้วางใจให้เขาเป็นผู้ร้อยเรียงถ้อยคำให้ ไม่ว่าจะเป็น Groove Riders, Body Slam, Palmy, ป้าง - นครินทร์ กิ่งศักดิ์, เจมส์ - เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์, ทาทายัง, บี พีรพัฒน์, ละอองฟอง ฯลฯ ซึ่งเพลงที่เขาแต่งกว่าครึ่งล้วนกลายเป็นเพลงฮิตติดหูแทบทั้งนั้น เช่น เผลอ, ความลับ, รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป็นต้น
ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ บอย ตรัย
• ปี พ.ศ.2540 อัลบั้มว่า ‘I’m In
• ปี พ.ศ. 2544 โปรเจคพิเศษในนาม 2 Days Ago Kids อัลบั้ม ‘Time Machine’
• ปี พ.ศ.2545 อัลบั้ม ‘The Magic Moment’
• ปี พ.ศ.2554 อัลบั้ม ‘Colorfication’
• ปี พ.ศ.2557 อัลบั้ม THE BOYKOR
อัลบั้มเดี่ยว
• ปี พ.ศ.2547 ‘My Diary Original Soundtrack’
• ปี พ.ศ.2549 ‘บุคคลที่ 3’
• ปี พ.ศ.2552 อัลบั้ม ‘Love So Fine ’
รางวัล
• เข้าชิงรางวัลศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม กับเพลง เรื่องน่าเบื่อที่สวยงาม จากงานประกาศรางวัล คม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 14
อัลบั้มเดี่ยวในรอบ 10 ปี “ขุนเขาแห่งหมี”
ทิ้งห่างการทำอัลบั้มเดียวไปนาน..ซึ่งหลายคนคงมีคำถามว่าแล้วระหว่างนั้นทำอะไรเรามีคำตอบมาให้หลังจากจบอัลบั้ม “Love So Fine” ตัวเขาเองได้มีโอกาสทำอัลบั้มร่วมกับ ก้อ – ณฐพล ศรีจอมขวัญ ในชื่อ THE BOYKOR และเมื่อจบโปรเจ็คก็ถึงเวลาลุยอัลบั้มเดี่ยวของตนเองต่อจนเมื่อปลายปี 2015 ก็ได้ปล่อยซิงเกิลแรกอย่าง ฮานาบิ เพลงเปิดตัว
Concept ของ ขุนเขาแห่งหมี
ทุกบทเพลงในอัลบั้มจะเป็นการเล่าเรื่องมุมมองความรักที่โตขึ้น ลดการฟูมฟาย มีความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในแต่ละเพลงจะเป็นการเล่าถึงชีวิตในแต่ละช่วงเวลา มาเรียงร้อยด้วยภาษาของผู้ชายที่ชื่อว่า ตรัย ภูมิรัตน
ฮานาบิ
ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ มาจากความรู้สึกของศิลปินไทยและคนทำงานทุกคนในวงการเพลงที่เขารัก ที่กว่าจะสร้างสรรค์งานเพลงๆ หนึ่งออกมา สู่คนฟังนั้น ต้องแลกมาด้วยอะไรมากมาย บอยถ่ายทอดบทเพลงด้วยการเล่าเรื่องราวบรรยากาศหลังเวทีก่อนที่โชว์ จะเริ่ม ซึ่งอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม รวมถึงความตื่นเต้นของเขาเอง ในบทเพลงยังเล่าถึงศิลปินหลายๆ คนในวงการเพลงไทย จากหลากหลายค่าย ที่มารวมตัวกันพร้อมมอบความสุขให้คนฟัง เปรียบเสมือนงานเทศกาล“ฮานาบิ” หรืองานแสดงดอกไม้ไฟ ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดูทุกครั้งที่ได้ชม ฮานาบิ เป็นบทเพลงที่ให้ทั้งความสนุก ความหวัง และความสุขแก่คนฟัง อีกทั้งยังได้ “โต๋ - ศักดิ์สิทธ์ เวชสุภาพ มาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่นเปียโน รวมถึงเสียงสดใสที่มาคอยเชียร์กุนบ้ออยู่ข้างเวทีของ ด.ญ.ชื่นใจ มาสอดแทรกให้ได้บรรยากาศแห่งเสียงเพลงที่กำลังจะถูกจุดขึ้นฟ้า อย่างฮานาบิเพลงนี้
เรื่องน่าเบื่อที่สวยงาม
ความรักคงจะเหมือนเพลงรักที่เรื่องมันก็ซ้ำๆ แต่เราก็ชอบร้องมัน ไม่เห็นจะเคยเบื่อเลยใช่ไหม… ที่ขอส่งต่อมุมมองความรัก ความผูกพัน แสนพิเศษนี้ ผ่านบทเพลง “เรื่องน่าเบื่อที่สวยงาม” โดยเพลงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องราวเล็กๆ ของเขา ที่อยากจะแต่งเพลงที่แทนความรู้สึก เพื่อให้เป็นของขวัญวันครบรอบให้กับ ภรรยา ซึ่งรู้จักกันมา12 ปี คำว่านานของแต่ละคนคงไม่เท่ากัน แต่สำหรับความสัมพันธ์นั้น ไม่ว่าจะกี่ปี ถึงแม้ทุกอย่างจะเหมือนเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ดีกัน โกรธกัน งอนกัน ร้องไห้และหัวเราะไปด้วยกัน จนดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาระหว่างเรา ก็ไม่ได้หมายความว่าในเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกวันๆ เหล่านี้ จะไม่มีความรักที่สวยงามซ่อนอยู่ สำหรับดนตรีเป็นแนวโฟล์คพ็อพ ให้บรรยากาศอบอุ่น สบายๆ มีกลิ่นอายคันทรี่นิดๆ ใช้เสียงกีต้าร์อคูสติคเป็นตัวดำเนินเรื่อง มีท่อนที่มีเครื่องเป่าออกมาบรรเลง ที่เปรียบเสมือนเป็นกองเชียร์ให้เรามีกำลังใจในการประคับประคอง ดูแลความรักที่แม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ความรักความผูกพัน จะทำให้เรา ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปด้วยกัน